ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า

ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า

ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า ฉะเชิงเทรา หรือ เมืองแปดริ้ว ไม่ได้มีเพียงวัดหลวงพ่อโสธร และตลาดเก่า 100 ปี หรือคลองสวนเท่านั้น หากเลยออกมานอกเมืองแปดริ้วอีกซักหน่อยจะมีอีกหนึ่งอำเภอที่น่าสนใจ อำเภอบางคล้า มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจและโดดเด่น อย่างเช่น วัดสมานรัตนาราม มีพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โบสถ์สเตนเลส วัดหัวสวน ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอุโบสถสีทองทั้งหลัง แห่งแรกในประเทศไทย เรียกได้ว่า อำเภอนี้รวมที่สุดในประเทศเอาไว้ถึง 3 แห่งด้วยกัน

ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า

เดินทางง่ายๆ และใช้เวลาไม่นาน เพียงชั่วโมงครึ่ง ก็จะเข้าสู่ตัวอำเภอบางคล้า เริ่มจาก วัดสมานรัตนาราม เพื่อสักการะ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความเชื่อกันว่า หากใครได้มาไหว้แล้วจะไร้ความ เศร้าหมอง อิ่มหนำสำราญ มีกิน มีโชคลาภ จะนำความความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา ด้านหน้าทางเข้ามีรูปปั้นพระราหูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย

เมื่อเข้าไปข้างในจะพบกับองค์พระพิฆเนศสีชมพูอลังการและงดงามยิ่งนัก บริเวณฐานของพระพิฆเนศจะมีรูปปั้นพระพิฆเนศปางต่างๆ จำนวน 32 ปาง ให้เราได้สักการะ แต่ละปางก็จะให้โชคลาภในแต่ละเรื่องแตกต่างกัน วิธีการก็คือ เดินวนรอบ ทำใจให้เป็นสมาธิแล้วใช้มือลูบรอบองค์ แล้วขอพร

ด้านหน้าองค์พระพิฆเนศ จะเห็นคนต่อแถวยาวเหยียดและแอบกระซิบข้างหนูทั้งสองตัว ก็ไม่ต้องแปลกใจค่ะ หนูสองตัวนี้ ชื่อว่า หนูมุสิกะ ซึ่งเป็นต้นห้องของพระพิฆเนศ เชื่อว่า ถ้าอยากได้สิ่งใด ขอพรสิ่งใดให้สมหวัง ให้ไปกระซิบที่หู หนู แล้วหนูจะนำสิ่งที่เราขอนั้นไปบอกท่านพระพิฆเนศให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา และที่สำคัญอย่าลืม ติดสิน บนหนูด้วย โดยการทำบุญใส่ตู้ที่วางไว้ด้านหน้า เคล็ดลับอีกอย่างในการขอพรคือ เวลาไปกระซิบบอกท่านหนู ให้เราเอามืออีกข้างอ้อมไปปิดรูหูของท่านหนูอีกข้างด้วย ทั้งนี้เพราะป้องกันการฝากขอพรจะไม่เข้าหูซ้าย ทะลุ ออกไปหูขวานั่นเอง

นอกจากวัดสมานรัตนารามจะมี พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขแล้ว ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธ์ คือ หลวงพ่อองค์ดำ พระพุทธรูปประจำจังหวัด ประดิษฐานจังหวัดละหนึ่งองค์ หลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ที่สุดในฉะเชิงเทรา หลวงพ่อประทานพรขอโชคลาภและให้สุขภาพแข็งแรง จระเข้โหราเทพารักษ์ประทานเรื่องโชคลาภการค้าขาย ซึ่งตั้งอยู่ ในบริเวณวัดนี้ด้วย เมื่อเรามาที่นี่แล้วควรไหว้ให้ครบ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต

ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า

หากเราเคยรู้จักและคุ้นตากับโบสถ์สเตนเลส ที่เมืองกาญจนบุรีแล้ว ที่ วัดหัวสวน บางคล้า ก็มี โบสถ์สเตนเลส เช่นกัน เป็นโบสถ์ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน วัดหัวสวนจะตั้งอยู่ไม่ไกลจาก วัดสมานรัตนารามมากนัก จากปากทางเข้าวัดสมานฯ เลี้ยวซ้ายออกถนนใหญ่ ขับตรงมาเรื่อยๆ เพียงนิดเดียวก็จะถึงปากทางเข้า วัดหัวสวน และได้พบกับ โบสถ์สเตนเลส ที่ซ่อนตัวอยู่ งดงามยิ่งนัก

เมื่อเข้ามาด้านในโบสถ์จะพบกับพระพุทมหลาภประดิษฐานเป็นประธาน ที่งดงามที่สุด ก็คือ ประตูหน้าบันและหน้าต่างซึ่งเป็นรูปพระพุทธเจ้า และเทวดา ต่างๆ หลวงพี่ที่เข้ามาด้วยอธิบายถึงวิธีการทำอย่างละเอียด ว่ารูปนี้สร้างด้วยเทคนิคกัดกรดและลงสีทอง ถือว่าโบสถ์ สเตนเลส วัดหัวสวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะแวะชม

เที่ยงแล้วท้องเริ่มร้อง จากวัดหัวสวน ขับรถออกมาตรงไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทาง ตลาดน้ำบางคล้า ตลอดเส้นทาง มื้อกลางเราจะฝากท้องกันที่นี่ค่ะ ตลาดน้ำบางคล้า เป็นตลาดน้ำเล็กๆ มีของขายพอประมาณ ส่วนใหญ่จะเป็นของกิน พืชผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านนำมาวางขายกัน

ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า

ของกินจะเหมือนกับตลาดน้ำทั่วไป มีเมนูหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย ส้มตำ อาหารทะเลปิ้งย่าง และน้ำสมุนไพรต่างๆ รสชาติอาหารถือว่าอร่อยใช้ได้ในระดับนึง มีที่นั่งกินกว้างขวางเป็นสัดส่วน

อิ่มท้องก็ไปเที่ยวต่อ ออกจากตลาดน้ำบางคล้า เลี้ยวซ้ายไปทางเดียวกับร้านร่มไม้สายธาร ตรงไปเรื่อยๆ จะถึงวัดปากน้ำโจ้โล้ ตั้งอยู่ริมถนน มาชมโบสถ์สีทองทั้งหลัง เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ตัวโบสถ์ไม่ได้ทำจากทองหรือการปิดทองน่ะค่ะ แต่เป็นโบสถ์ที่ทาด้วยสีทอง ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ยังมีส่วนของกำแพงรอบโบสถ์ทีกำลังก่อสร้างอยู่ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมกันอยู่เรื่อยๆ

แต่เดิม วัดปากน้ำโจ้โล้ เป็นสำนักสงฆ์ ในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ ทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกทัพเรือไปปะทะกับกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต่อมาสมเด็จ พระเจ้าตากสิน มหาราชทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันได้มีการสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นสีทองทั้งหลัง ยิ่งภายโบสถ์ยามที่สีทองต้องแสงไฟยิ่งเปล่งประกายสวยงาม พระประธานข้างในโบสถ์ยังสามารถลอดใต้ฐานพระเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วยค่ะ

ย้อนกลับไปทางเดิม มาถึงสถานที่สุดท้าย คุ้มวิมานดิน มาคลุกดิน สูดกลิ่นไปแบบธรรมชาติกันที่นี่ค่ะ เสียค่าเข้าทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ราคาเดียวกัน คือ คนละ 30 บาท เดินมาเข้าในปุ๊บ จะรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นมาในทันทีกับตุ๊กตาดินเผาหลากอารมณ์แสนจะน่ารัก ที่วางเรียงโชว์กันอยู่ด้านหน้า เดินชมตุ๊กตาแล้วก็ทำเอาหัวเราะและคิดอยูในใจ เจ้าของช่างปั้นจริง

ท่องเที่ยวบางคล้า ท่องเที่ยววิถีไทย สบายใจสบายกระเป๋า

คุ้มวิมานดิน ไม่ใช่ รีสอร์ทหรือที่พักน่ะค่ะ หลายคนเห็นชื่อแล้วอาจจะคิดว่าเป็นแบบนั้น ที่นี่เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาในรูปแบบต่างๆ หลังจากเริ่มอ่อนล้าจาดการไปเที่ยวมาหลายที่ เมื่อมาถึงคุ้มวิมานดิน ความเหนื่อยก็จะหายไปและเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้นทันทีเมื่อได้เห็นเจ้าตุ๊กตาเหล่านี้

แต่ละตัวที่เราเห็นวางอยู่ขายทุกตัวมีราคาบอกเรียบร้อย ชอบหรือถูกใจกับตุ๊กตาตัวไหนก็หยิบไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์กันได้เลยค่ะ หรือหากต้องการดูผลิตภัณฑ์ดินเผาอย่างอื่นเพิ่มเติม ก็จะมีซุ้มหลังเล็กๆ ด้านหน้าขายของที่ระลึกให้เราได้เลือกซื้อค่ะ

เดินเข้าไปชมบรรยากาศข้างใน เนื่องจากที่ตั้งอยู่กลางสวน ที่นี่จึงเน้นตกแต่งสถานที่ให้กลมกลืนกับธรรมชาติ มีต้นไม้ใหญ่น้อย ปลูกเรียงรายกันไปตามร่องสวน ที่เห็นมีอยู่เยอะก็จะเป็นต้นมะม่วงที่กำลังออกดอกออกผลห้อยระย้า มีมุมนั่งเล่น จิบเครื่องดื่ม หรือจะนอนเล่น พักผ่อนบนแปลไม้สาน แกว่งไปแกว่งมา ฝั่งเสียงนก ทำเอาเคลิ้มหลับไปกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ได้เหมือนกัน

บริเวณนี้จะเป็นส่วนของการปั้นดินค่ะ ใครสนใจอยากมีตุ๊กตาดินเผาเป็นของตัวเองไม่ซ้ำใคร มีบริการสอนให้ด้วย ให้ดินมา 1ก้อน อยากปั้นเป็นรูปอะไร แบบไหน ก็แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคน